1. ท่านคิดอย่างไร ถ้ารัฐธรรมนูณคือกฎหมายแม่บท และพระราชบัญญัติน่าจะเป็นอะไร จงอธิบายให้เหตุผล
ตอบ
ถ้ารัฐธรรมนูญคือกฎหมายแม่บท พระราชบัญญัติเป็นกฎหมายที่มีลำดับชั้นรองลงมาจากกฎหมายรัฐธรรมนูญ คือ กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา เป็นกฎหมายหลักที่สำคัญที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน และพระราชบัญญัติก็เป็นกฎหมายที่บังคับใช้ได้กับประชาชนทุกคนในประเทศเหมือนกับรัฐธรรมนูญซึ่ง
พระราชบัญญัติที่สำคัญที่รัฐสภาตราออกมาใช้บังคับ เช่น พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 เป็นต้น
2. ความมุ่งหมายในการจัดการศึกษากำหนดไว้อย่างไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ ความมุ่งหมายในการจัดการศึกษา คือเราต้องจัดการศึกษาต้องเป็นเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางด้านร่างกาย
จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
3. หลักในการจัดการศึกษามีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ หลักในการจัดการศึกษาได้แก่
1. เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน โดยประชาชนทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพ
ความเสมอภาคในการเข้ารับการศึกษา และได้รับการสนับสนุนเงินในการศึกษาทุกท่าน
2. ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
โดยทุกสถานศึกษาต้องเปิดโอกาสให้สังคมหรือบุคคลอื่นมีสิทธิ์ในการจัดการศึกษาและมีส่วนร่วมในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับการศึกษาให้กับประชาชนทุกคน
3. การพัฒนาสาระ
และกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยต้องมีการพัฒนาหลักสูตร
พัฒนากระบวนการเรียนการสอน พัฒนาประชาชน และบุคลากรทางการศึกษา
อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
4. หลักในการจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายฉบับนี้มีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ การจัดระบบ โครงสร้าง กระบวนการจัดการศึกษา ให้ยึดหลักดังนี้
1. มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
2. มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3. มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษาและจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา
4. มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู
คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาอย่าต่อเนื่อง
5. ระดมทรัพยากรจาดแหล่งต่างๆมาใช้ในการจัดการศึกษา
6. การมีส่วนร่วมของบุคล ครอบครัว
ชุมชน องค์กรชุมชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ
สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่น
5. สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษาที่กำหนดไว้ในกฎหมายฉบับนี้มีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ สิทธิและหน้าทีในการจัดการศึกษาที่กฎหมายกำหนดไว้มีดังนี้
คือ
1. การจัดการศึกษาจะต้องจัดให้ทุกคนมีสิทธิและโอกาสเสมอภาคกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า
12 ปี และต้องจัดให้ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
2. บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง มีหน้าที่ในการจัดให้บุตรหรือบุคคล
ได้รับการศึกษาภาคบังคับ และตามความพร้อมของครอบครัว
3. บิดามารดา ผู้ปกครอง
ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐทั้งการสนับสนุนให้มีความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู
และให้การศึกษาบุตรหลาน และได้รับเงินอุดหนุน ได้รับการลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษาที่กฎหมายกำหนด
4. นอกเหนือจากรัฐ เอกชน และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ให้บุคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่น
มีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และได้รับการสนับสนุนให้มีความรู้
ความสามารถในการเลี้ยงดูบุคคลให้อยู่ในความดูแลและได้รับเงินอุดหนุน
ได้รับการลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช่จ่ายการศึกษาที่กฎหมายกำหนด
6. ระบบการศึกษาของไทยในปัจจุบันนี้มีกี่ระบบอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ ระบบการศึกษา มี 3 ระบบ คือ
การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัย
การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย
วิธีการ หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล
ซึ่งเป็นเงื่อนไขของความสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน การศึกษาในระบบมี 2 ระดับ คือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน
และการศึกษาระดับอุดมศึกษา
การศึกษานอกระบบ
เป็นการศึกษาที่มีความมีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบวิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา กาสรวัดและประเมินผล
ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
การศึกษาตามอัธยาศัย
เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนไดเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ
ความพร้อม และโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล
ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อม
สื่อหรือแหล่งความรู้อื่น
7. ท่านสามารถนำแนวการจัดการศึกษา ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายฉบับนี้ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างไร
ตอบ สามารถนำแนวการจัดการศึกษา
ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายฉบับนี้ไปสู่การปฏิบัติได้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญที่สุด การจัดการศึกษา ต้องเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษาในเรื่องเกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศาสนา ทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา ทักษะในการประกอบอาชีพ เนื้อหาสาระของหลักสูตรจะต้องพิจารณาระดับการศึกษา และความถนัดส่วนบุคคลมาประกอบด้วย หลักสูตรการศึกษาพื้นฐานก็ควรจะต้องมีองค์ประกอบที่เรียกว่า หลักสูตรแกนกลางที่เน้นตัวร่วมหรือค่านิยมร่วมระดับชาติ จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะ กระบวนการคิด และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น รักการอ่าน ผสมผสานสาระความรู้ด้านต่างๆ รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ไว้ สนับสนุนให้บรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียนและอำนวยความสะดวก การเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย จัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การสอนวิชาชีพในท้องถิ่น การแสวงหาความรู้ สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาระหว่างชุมชม
8. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 3 มีประเด็นใดบ้างและเหตุผลที่สำคัญในการแก้ไขคืออะไร
ตอบ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 3 มีการยกเลิก
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน
"มาตรา ๗ ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษาและส่งเสริ สิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความรู้รักสามัคคี ปลูกจิตสำนึกความเป็นไทย มีระเบียบวินัย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนศาสนา
ศิลปะวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติ ตลอดจนค่านิยมอันดีงาม ภูมิปัญญาท้องถิ่น การกีฬา ภูมิปัญญาไทย และความรู้อันเป็นสากล ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความสามารถในการประกอบอาชีพ รู้จักพึ่งตนเอง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ใฝ่รู้ และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง"
และเหตุผลที่แก้ไขคือ โดยที่การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วยการศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา
ซึ่งมีระบบการบริหารและการจัดการศึกษา ของทั้งสองระดับรวมอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา
ทำให้การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเกิดความไม่คล่องตัวและเกิดปัญหาการพัฒนาการศึกษา
สมควรแยกเขตพื้นที่การศึกษาออกเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เพื่อให้การบริหารและการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการพัฒนาการศึกษาแก่นักเรียนในช่วงชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
ให้สัมฤทธิผลและมีคุณภาพยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
9. การที่กฎหมายกำหนดให้สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานมีฐานะเป็นนิติบุคคลท่านเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ
เห็นด้วย กับการกำหนดให้สถานศึกษาเป็นนิติบุคคล เพราะกระทรวงกระจายอำนาจการบริหาร และการจัดการศึกษา ทั้งด้านวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคลและการบริหารทั่วไป ไปยังคณะกรรมการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาในเขตพื้นที่โดยตรง จะทำให้สถานศึกษาคล่องตัว มีอิสระในการบริหารจัดการ ตามหลักของการบริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ซึ่งคาดหวังว่าจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับสถานศึกษาสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพได้มาตรฐานและสามารถพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
10. การที่กฎหมายกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใด ระดับหนึ่ง หรือทุกระดับตามความพร้อม
ท่านเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ เห็นด้วยเพราะ การที่กฎหมายกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใด ระดับหนึ่ง หรือทุกระดับตามความพร้อมนั้นเพราะกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิเสรีภาพในการจัดอบรมเลี้ยงดู
และจัดการศึกษาให้แก่บุคคล โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมมีส่วนร่วมในการกำหนดการเรียนการสอน
หลักสูตรหรือจุดมุ่งหมายในการเรียนของแต่ละระดับได้
แต่ต้องเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมได้รับเงินระดมทุนและค่าลดหย่อนในการจัดการศึกษาที่เกี่ยวกับบุคคลที่อยู่ในการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ
11. หลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษามีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ จากความหมายของการประกันคุณภาพภายใน จะเป็นการประเมินผลและการติดตามตรวจสอบ
คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง
หรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น หลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
1) การประกันคุณภาพภายในให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา และเป็นหน้าที่ของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษา ที่ต้องดำเนินการอย่างมีระบบและต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงปรัชญา หลักการ วิสัยทัศน์ พันธกิจ และภารกิจ ของสถานศึกษาที่กำหนดไว้
2) จัดให้มีกลุ่ม ฝ่ายหรือคณะกรรมการดำเนินการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายและผู้รับบริการ เพื่อการพัฒนาคุณภาพให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน
3) พัฒนามาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาเพิ่มในส่วนที่เป็นลักษณะเฉพาะของสถานศึกษาที่สอดคล้องกับท้องถิ่น
4) จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพและแผนปฏิบัติการของสถานศึกษาและดำเนินงานตามแผนดังกล่าว
5) ดำเนินการตรวจสอบ ติดตามเพื่อการพัฒนาคุณภาพให้เป็นไปตามเป้าหมายและมาตรฐานการศึกษา
6) จัดทำรายงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเสนอหน่วยงานต้นสังกัด ภาคีเครือข่ายและเผยแพร่ต่อสาธารณชน
7) รายงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา และมีการกำหนดมาตรการร่วมกันในการพัฒนาสถานศึกษาไปสู่มาตรฐานการศึกษาที่กำหนด
12. การที่กฎหมายกำหนดให้ครู
ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งรัฐและเอกชน
ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ท่านเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ ไม่เห็นด้วย เพราะการที่กฎหมายกำหนดให้ครู
ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งรัฐและเอกชน
ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับบุคลที่ต้องการจัดการศึกษาให้กับประชาชนทุกคนเพราะหากบุคลเหล่านี้มีใบประกอบวิชาชีพแล้วจะสอนคนให้เก่งทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา จิตใจ และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขได้อย่างไร
หากบุคลเหล่านี้ไม่เป็นแบบอย่างที่ดี
ไม่เป็นคนดีและไม่มีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาทั้งทางด้านการเรียนรู้
กระบวนการเรียนการสอนให้ก้าวทันสังคมโลก ดังนั้นไม่จำเป็นเลยที่บุคคลเหล่านี้จะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ
13. ท่านมีแนวทางในการระดมทุน และทรัพยากรเพื่อการศึกษาในท้องถิ่นของท่านอย่างไรบ้าง
ตอบ หากมีการระดมทุน
และทรัพยากรเพื่อการศึกษาในท้องถิ่นของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะจัดงานเพื่อหาเงินเข้าสู่โรงเรียนโดยการจัดงานเพื่อการกุศลโดยให้ผู้ปกครอง
ชาวบ้าน องค์กรเอกชน รัฐวิสาหกิจต่างๆ สถาบันศาสนา
และสถาบันอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดงานและเข้ามีมีส่วนร่วมในการจัดหาแนวทางเพื่อนำทรัพยากรในท้องถิ่นมาใช้ในการศึกษาให้ได้ประโยชน์สูงสุดและไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช้อย่างคุ้มค่าและมีการปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนเห็นค่าของทรัพยากรในท้องถิ่น
และจะนำหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการบริหารจัดการโรงเรียนและท้องถิ่นเพื่อให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุขที่เป็นไปตาม
3 ห่วง 2
เงื่อนไขของในหลวง
14. ท่านมีแนวทางในการพัฒนาสื่อ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอย่างไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ
ต้องพัฒนาสื่อ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาให้สอดคล้องกับผู้เรียนเป็นสำคัญคือเราต้องทำแผนจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้
โดยจะใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นมาช่วยคือให้ผู้เรียนสัมผัสเรียนรู้ได้ด้วยคนเองและเกิดองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง
และต้องมีการพัฒนาสื่อการการเรียนรู้ให้ก้าวทันเทคโนโลยีและก้าวทันสังคมโลก เช่น
นำอินเตอร์เนตมาใช้ในการสอน ตัวอย่างเช่น E-mail
Blogger Facebook E-learning มาใช้ในการเรียน
และทำสื่อการเรียนรู้จากเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้น่าสนใจและเป็นแรงดึงดูดให้ผู้เรียนสนใจ
และสิ่งสำคัญคือเพื่อขับเคลื่อนสู่สังคมอาเซียน