ให้นักศึกษาอ่าน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 แล้วตอบคำถามดังต่อไปนี้
1.ประเด็นที่อ่านแล้วมีอะไรที่น่าสนใจ
ตอบ มาตรา 99 บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
(1) มีสัญชาติไทย
แต่บุคคลผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ
ต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ในวันที่
๑ มกราคมของปีที่มีการเลือกตั้ง และ
(3) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งอยู่นอกเขตเลือกตั้งที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเป็นเวลาน้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง
หรือมีถิ่นที่อยู่นอกราชอาณาจักรย่อมมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง ทั้งนี้
ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
มาตรา 100 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ในวันเลือกตั้ง
เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
(1) เป็นภิกษุ
สามเณร นักพรต หรือนักบวช
(2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
(3)
ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
(4) วิกลจริต
หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
คุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. มาตรา 101
1. มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง
3. เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวนับถึงวันเลือกตั้ง
ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90
วัน นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในกรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา
ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวเป็นเวลาติดต่อกัน
ไม่น้อยกว่า
30
วันนับถึงวันเลือกตั้ง
4. ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
ต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ด้วย
(ก)
มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัคร
รับเลือกตั้ง
(ข)
เป็นบุคคลซึ่งเกิดในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง
(ค)
เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา
(ง)
เคยรับราชการหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปี
ลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร
ส.ส. มาตรา 102
1. ติดยาเสพติดให้โทษ
2. เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
3. เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตาม
มาตรา 100(1) เป็นภิกษุ
สามเณร นักพรต หรือนักบวช
(2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
หรือ(4) วิกลจริต
หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
4. ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
5. เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีในวันเลือกตั้ง
เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
หรือความผิดลหุโทษ
6. เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ
หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่า
กระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
7. เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
เพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น
ผิดปกติ
8. เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง
9. เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
10. เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดลงแล้วยังไม่เกินสองปี
11. เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ
หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
12. เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง
ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
แห่งชาติ
กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
13. อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา
263
2.สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาวิชานี้ตรงกับรัฐธรรมนูญในประเด็นใดบ้าง
ตอบ หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย ส่วนที่ 8 สิทธิและเสรีภาพในการศึกษา
มาตรา 49 บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐจะต้อง จัดให้อย่าง ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
ผู้ยากไร้
ผู้พิการหรือทุพพลภาพหรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากต้องได้รับสิทธิตามวรรค
หนึ่งและการสนับสนุนจากรัฐ เพื่อให้ได้รับการศึกษาโดยทัดเทียมกับบุคคลอื่น
การจัดการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพหรือเอกชน การศึกษาทางเลือกของประชาชน การเรียนรู้ด้วยตนเองและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมได้รับการคุ้มครองและส่งเสริมที่เหมาะสมจากรัฐ
การจัดการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพหรือเอกชน การศึกษาทางเลือกของประชาชน การเรียนรู้ด้วยตนเองและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมได้รับการคุ้มครองและส่งเสริมที่เหมาะสมจากรัฐ
มาตรา 50 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการ
การศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ย่อมได้รับความคุ้มครองทั้งนี้เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือ ศีลธรรมอันดีของประชาชน
3.ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความรู้และความจำที่น่าจะนำไปตอบข้อสอบได้มีอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง
ตอบ 1. วันที่ 24 สิงหาคม 2550 ซึ่งเป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2550
2. คณะองคมนตรี พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งประธานองคมนตรีคนหนึ่ง
และองคมนตรีอื่นอีกไม่เกิน 18 คนคณะองคมนตรี รวมไม่เกิน 19
คน
3. คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดิน
ต้องชี้แจงนโยบายที่จะดำเนินการต่อรัฐสภาและต้องจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนิน
การเสนอต่อรัฐสภาปีละ 1 ครั้ง
4. สภาผู้แทนราษฎร
ประกอบด้วยสมาชิก จำนวน 480 คน แบบแบ่งเขต 400 คน แบบสัดส่วน
80 คน จังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน 3 คน
ให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ถ้ามีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกิน 3 คนให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งแต่ละเขตมีสมาชิกได้ 3 คน
4.ทำไมเราต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้นักศึกษาบอกเหตุผลประกอบการอภิปราย
ตอบ เราต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวันของทุกๆคน และรัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุดในประเทศไทย เราเป็นประชาชนคนไทย ควรจะมีความรู้ความเข้าใจในกฎหมายสูงสุดของประเทศ เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อตกลง ที่คนไทยต้องทำร่วมกัน เพื่อที่จะได้อยู่ร่วมกันได้ มีผลประโยชน์ร่วมกัน และต้องปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองที่พึงกระทำ เพื่อที่จะได้รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง และเป็นหน้าที่ที่ทุกคนจะต้องรู้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง
5.นักศึกษามีความคิดเห็นอย่างไรในการที่รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะเหตุใดที่จะต้องแก้ไขและทำไม
ตอบ ในการที่รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ดิฉันคิดว่าไม่ควรแก้ไขเพราะว่าตอนนี้รัฐธรรมนูญก็เป็นกฎหมายสูงสุดที่สามารถบังคับใช้ได้
มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทุกมาตราก็ให้สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค
ความเท่าเทียมกันแก่ประชาชนคนไทยทุกคน และหากมีการแก้ไขอีกก็จะมีความขัดแย้งขึ้นอีก
เพราะอีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องการผลประโยชน์แก่ตนเอง จึงทำให้ประชาชนเดือดร้อนทั่วประเทศ
6.ปัจจุบันการปกครองประเทศมีอำนาจทั้ง 3 อำนาจที่จะต้องมีความสมดุลซึ่งกันและกัน และนักศึกษามองถึงปัญหารัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร์ สภานิติบัญญัติ มีภาวะที่ดำรงอยู่อย่างไร มีความมั่งคงที่จะรักษาความเสถียรต่อการบริหารบ้านเมืองหรือไม่ขอให้นักศึกษาอภิปรายและแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว
ตอบ ไม่มีความมั่นคงหากอำนาจทั้งสามขาดสมดุล เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นคิดว่าเกิดจากการที่ไม่ยอมรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน ผู้ที่ถือกฎหมายไม่ทำตนเป็นกลาง โดยส่วนมากจะนึกถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน ทำหน้าที่ของตนเองไม่เต็มที่อีกทั้งเพราะมั่วแต่คอยขัดขวางการทำงานของอีกฝ่าย การประชุมสภาแต่ละครั้งก็มีการทะเลาะกันระหว่างประชุมและมีการประท้วงเพื่อประโยชน์ของตน
อีกทั้งยังมีการแทรกแซงอำนาจกันจากปัญหาต่างๆมากมาย บ้านเมืองไม่มีการพัฒนาขึ้น เศรษฐกิจถดถอยลง
จึงมีความเห็นว่าไม่มีความมั่นคงที่จะรักษาเสถียรภาพต่อการบริหารบ้านเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น